วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ห้องอาหารแสนสวย เนรมิตได้ด้วยตัวเอง

ห้องอาหารแสนสวย เนรมิตได้ด้วยตัวเอง

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับห้องอาหารคือความสะอาด นอกจากนั้นสิ่งของเครื่องใช้ควรที่จะจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้การเชิญแขกมารับประทานอาหารที่บ้านก็ดูจะทางเลือกที่ดีไม่น้อย ดังนั้นเราขอเสนอวิธีการจัดโต๊ะอาหารแบบสากลให้คุณปฎิบัติได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งคุณสามารถให้เจ้าตัวน้อยช่วยคุณได้ด้วย เป็นการสร้างความอบอุ่นและสายสัมพันธ์อันดีในครอบครัวอีกทางหนึ่ง

จัดโต๊ะอาหารมีหลายแบบ วิธีที่แนะนำเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและการจัดวางไม่ยุ่งยาก เหมาะกับงานเลี้ยงทั่วๆไปโดยสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยก็คือโต๊ะอาหาร พื้นของโต๊ะนั้นโดยมากจะเป็นพื้นไม้หรือฟอร์เมก้าซึ่งมีความแข็งกระด้าง ยิ่งเวลาคุณวางแขน วางศอกลงบนโต๊ะด้วยแล้ว นอกจากนี้เวลาวางภาชนะอาจจะเกิดเสียงดังได้

วิธีแก้ไขก็ไม่ยากเย็นเกินไปนักนั่นก็คือการปูผ้าสักหลาดเนื้อนุ่ม ๆ รองเอาไว้ชั้นหนึ่งก่อน จากนั้นก็จัดการปูผ้าปูโต๊ะสวย ๆ ทับลงไปอีกชั้นหนึ่งจะให้ความรู้สึกนุ่มนวลขึ้นและเพิ่มบรรยากาศที่ดีบนโต๊ะอาหารได้

สำหรับผ้าปูโต๊ะและผ้าเช็ดมือนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ "ความสะอาด" ปราศจากจุดด่างดำหรือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ การปูผ้าปูโต๊ะนั้นให้เรียกเจ้าตัวเล็กหรือสุดที่รักของคุณมาช่วยปูด้วยจะดีกว่า ถือคนละชายผ้า จากนั้นจึงค่อยปู วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ผ้ายับได้ด้วย

มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ เกี่ยวกับการปูโต๊ะซึ่งคุณอาจจะเผอไผลมองข้ามไปก็ได้นั่นก็คือ "รอยพับ" ของผ้าปูโต๊ะนั่นเอง พยายามจัดรอยพับของผ้าให้คว่ำลง (^) ไม่ใช่หงายขึ้น (v) นอกจากนี้ถ้าใช้โต๊ะหลายตัว รอยพับควรจะอยู่ในแนวเดียวกันด้วย


จากนั้นก็มาถึงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ "ความสะอาด" ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อน ส้อม ไปจนถึงแก้วน้ำ สำรวจให้ดี อย่าให้มีคราบลิปสติคทิ้งไว้ที่ขอบแก้วเพราะจะสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนให้กับแขกผู้มาเยือนได้ นอกจากนั้น การจัดวางควรจัดตามการใช้งานด้วย

ยังมีสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถเพิ่มบรรยากาศดี ๆ บนโต๊ะอาหารได้อีกนะนั่นก็คือ แจกันดอกไม้ซึ่งไม่ควรสูงเกินจนบังหน้าบังตาผู้ร่วมโต๊ะ เทียนซึ่งอาจจะตั้งไว้เป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่ง จะจุดหรือไม่จุดก็ได้ ที่เขี่ยบุหรี่ก็ควรเตรียมไว้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มบรรยากาศรอบ ๆ ข้างได้ด้วยเสียงดนตรีในกรณีที่เป็นการรับประทานแบบงานเลี้ยง แต่ระหว่างรับประทานไม่ควรให้เสียงดนตรีดังเกินไปนักเพราะการโอภาปราศัยดูจะสำคัญกว่าในวงอาหาร

การจัดโต๊ะอาหารก็มีหลายรูปแบบด้วยกันทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่จะรับประทานในมื้อนั้น ๆ ด้วย การจัดโต๊ะอาหารได้ถูกต้องจะสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนและผู้ร่วมวงทุกคนได้ เพียงแค่นี้ ห้องอาหารของคุณก็ดูสวยงามเพิ่มบรรยากาศการรับประทานอาหารได้ทันตาเห็น

ขอบคุณข้อมูลโดย
บริษัท คิตเช่นเน็ต จำกัด

ไอเดียมุมอ่านหนังสือและนั่งเล่น

ไอเดียมุมอ่านหนังสือและนั่งเล่น

คอนเซปต์โดยรวมเราอยากได้มุมอ่านหนังสือน่ารัก ๆ ที่สามารถแสดงฝีมือเองได้ และเรื่องสำคัญคือจะไม่มีการจ่ายเงินในปฏิบัติการครั้งนี้ เราอยากจ่ายเฉพาะไอเดียเก๋ ๆ และความคิดสร้างสรรค์ที่จะใช้มาดัดแปลงนี่นิดโน่นหน่อยให้ผลสรุปสุดท้ายคือ ความสวยและลงตัวใช้งานได้ดี โดยมี "เข็มหมุด" เป็นนางเอก

มุมอ่านหนังสือมุมนี้เป็นส่วนหนึ่งในโซนรับแขกของคอนโดขนาด 60 ตร.ม. ที่ได้บรรยากาศดีจากสวนริมระเบียง (วิวดีและลมแรงมาก) ซึ่งเจ้าของห้องใช้นั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ ดูทีวี และฟังเพลง อยู่เป็นประจำ แต่ด้วยความที่เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ก็เลยไม่ได้แต่งอะไรเป็นพิเศษ ขอเพียงแค่มีหนังสือที่ถูกใจ เพลงที่ถูกหู และรายการที่ถูกตาต้องใจก็พอแล้ว

เธอบอกว่าไม่ใช่ความชอบแต่เป็นความบังเอิญมากกว่าที่มีผ้าสะสมอยู่หลายชิ้นหลายชนิดจากที่ซื้อเองและมีคนให้มาบ้าง ทั้งคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรได้ มันจึงง่ายสำหรับทีมงานเราที่จะเนรมิตมุมนี้ใหม่ เรารวบรวมวัตถุดิบข้าวของทั้งหมดออกมากองรวมกัน ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีให้เลือกก็อุ่นใจพอแล้ว
สิ่งแรกที่ขัดหูขัดตาเหลือเกิน (ต้องกำจัดทิ้ง) ก็คือ ตู้แผงไฟบนผนัง เราใช้ภาพเขียนสีน้ำมันรูปดอกไม้ซึ่งสีสันใกล้เคียงกับแผงไฟมาก เข้าไปติดอำพรางไว้ แต่ไม่ได้ติดแบบถาวร แค่แขวนเอาไว้เท่านั้น เพราะภาพสีน้ำมันนี้น้ำหนักเบาจึงไม่มีปัญหาในการติดตั้ง

อันดับต่อมา เราไปถูกใจผ้าบาติกสีขาวลวดลายน่ารัก ที่น้องสาวคนหนึ่งให้เป็นของขวัญ เลยตกลงจะใช้ทำผ้าม่านกรองแสงแดดยามสาย ๆ ส่วนวิธีติดตั้งก็ไม่ยาก ใช้เข็มหมุดกลัดไปเป็นระยะ ๆ แทนการเย็บด้วยจักรหรือมือ (น้อง ๆ ที่อยู่ตามหอพักจะนำไปใช้ก็ได้นะคะ) เพราะถ้าวันไหนเบื่อก็สามารถถอดเข็มหมุดออกเปลี่ยนเป็นผ้าผืนใหม่ ผ้าผืนเก่าก็คงอยู่ในสภาพเดิม

มาถึงคิวของโซฟาตัวเก่ง ซึ่งอยู่ด้วยกันมานาน ผ่านงานหนักกับการรองรับบรรดาหลาน ๆ และเพื่อนฝูงช่วงปิดเทอม จนแทบจะหาสีเดิมไม่เจอ จะทิ้งก็เสียดาย เพราะโครงสร้างก็ยังแข็งแรงดี เลยใช้ไอเดียที่คนขายเฟอร์นิเจอร์คงไม่ชอบใจนัก ด้วยการหาผ้าผืนใหญ่ สีสันถูกใจมาคลุมเหมือนใส่เสื้อผ้านั่นล่ะ แต่ยังไม่ได้ฤกษ์เปลี่ยนถาวร งานนี้เราเลยสาธิตการเลือกผ้าคลุมให้เป็นตัวอย่างดู 2 แบบ ด้วยการใช้เข็มหมุดแทนกระดุมอีกนั่นล่ะ (ควรใช้กับโซฟาที่เป็นผ้าเท่านั้น) อันที่จริงจะให้ใช้งานจริงก็คงได้ แต่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก จึงไม่อยากแนะนำ

รูปแบบแรก เป็นมุมนั่งเล่นสีสดใส โทนแดงขาว เราได้ผ้าคลุมเตียงสีขาวผืนใหญ่ปักลายน่ารัก มาจากตลาดขายของเก่าในราคาผืนละ 400 บาท มาเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ให้โซฟาตัวเดิม หากนั่งอ่านบนโซฟาแล้วเบื่อ เรายังสามารถนอนเอกเขนกบนพื้นห้องได้อีกด้วย โดยใช้พรมผ้าฝ้ายสีแดงมาปูซึ่งสร้างความสดใสได้เป็นอย่างดี ส่วนหมอนหลากสีหลายขนาดนั้นเราได้ผ้าจากนันทขว้าง ( ของสะสมอีกเช่นเคย ) ซึ่งวัตถุประสงค์เดิมให้เป็นผ้าปูโต๊ะ แต่เรามาดัดแปลงตัดเย็บให้เป็นปลอกหมอนใบใหม่โดยไม่ต้องเปลืองเงินในกระเป๋าอีกด้วย

องค์ประกอบที่เหลือก็เป็นโต๊ะสำหรับวางเครื่องดื่มเล็ก ๆ ชั้นวางหนังสือกระเป๋าหิ้วที่เคลื่อนย้ายสะดวก ปรับเปลี่ยนได้ง่ายดายในทุกมุมที่ต้องการ และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือความเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่เจ้าของห้องชื่นชอบมาวางสร้างชีวิตชีวาและต่อเนื่องกับสวนริมระเบียง

ส่วนอีกรูปแบบโทนสีฟ้า เย็นใจ ด้วยการเปลี่ยนเสื้อคลุมโซฟา เป็นผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนจากยโสธร เปลี่ยนสีหมอนอิงใบใหญ่ด้วยปลอกผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสด ส่วนพื้นเราก็ใช้เสื่อ มาปูแทนพรมผ้าฝ้ายผืนเดิม ส่วนประกอบอื่น ๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ทว่าอารมณ์จะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสีเปลี่ยน ทั้งรู้สึกได้ว่าสีสันมีบทบาทกับชีวิตของเราขนาดไหน เราไม่ขอตัดสินใจว่าแบบไหนสวยกว่ากัน เอาเป็นว่าให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินใจดีกว่า

ที่มา :
Decoration Guide Magazine เรื่อง ..ปรียากร / ภาพ. เฉลิมเกียรติ

ไอเดียเก๋แต่งลูกเล่นให้ผนังน้ำตก


น้ำตกสามารถออกแบบให้หลากหลายได้ โดยอาจสร้างลูกเล่นกับจังหวะการไหลของน้ำที่ตกมาจากสูงต่ำต่างกัน รวมทั้งตกแต่งด้วยวัสดุต่างๆ เช่น หินทราย หินกาบ อิฐมอญ ก็ดูโมเดิร์นขึ้นทันตา สัปดาห์นี้ “ผู้จัดการรายสัปดาห์”ขอนำไอเดียในการทำลูกเล่นให้ผนังน้ำตกมาฝาก

1.สร้างความพลิ้วไหวให้กับสายน้ำด้วยการกรุผนังสแตนเลสที่ขัดผิวเป็นลวดลาย ทำให้น้ำที่ไหลลงมาดูแปลกตาและระยิบระยับจากแสงสะท้อนของสแตนเลส พร้อมติดตั้งประติมากรรมสีขาวก็ดูกิ๊บเก๋อีกแบบ

2.ทำผนังน้ำตกสไตล์โมเดิร์นด้วยการทำผนังปูนผสมสีสดๆขัดมัน แล้วใช้สแตนเลสพับเป็นกล่องให้น้ำตกไหลลงมาตามช่อง

3.ยกสระว่ายน้ำให้สูง1.5-2 เมตร แล้วทำทางน้ำล้นให้เป็นผนังน้ำตกไปในตัว กรุสันหินกาบเป็นชั้นๆ เวลาน้ำไหลลงมาก็ดูเป็นธรรมชาติคล้ายน้ำตก

4.สร้างความชุ่มชื้นในสวนด้วยการก่อผนังข้างให้สูง 60-80 ซม. ทำเป็นบ่อน้ำตกและน้ำตก แล้วปิดฝาบ่อด้านบนด้วยไม้ระแนงก็ดูเรียบร้อย และใช้วางกระถางต้นไม้ได้ด้วย

5.หากมีพื้นที่แคบ ให้ทำน้ำตกตามแนวยาวของพื้นที่ให้เตี้ยลงประมาณ 40-60 ซม. ให้น้ำไหลลงมาเป็นแผง น้ำก็จะไม่กระเด็นมาก และกรุผนังหินเซาะร่องแนวนอนก็ช่วยทำให้ดูกว้างขึ้น

ที่มา : นิตยสาร ROOM

จัดบ้านเล็กให้ดูใหญ่ จัดบ้านใหญ่ดูรกให้เข้าที่


บ้านใหญ่หากแต่ว่ารก ไม่เป็นระเบียบก็ดูแออัดได้ ในขณะที่บ้านเล็กหากจัดเก็บทุกพื้นที่เต็มประสิทธิภาพก็ช่วยให้เรียบโล่งได้ไม่ยาก การมีระบบจัดเก็บที่ดีจะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอีกทั้งทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

หากพิจารณาให้ดี เกือบจะทุกห้องในบ้านมักจะมีมุมอับซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เช่น พื้นที่ใต้บันได โถงทางเดินขึ้นบันได พื้นที่ใต้หลังคาจากห้องนอน มุมเล็ก ๆ ใต้ซิงก์ในห้องน้ำ หรือแม้แต่หลืบลิ้นชักที่รกเพราะโยนทุกอย่างเอาไว้รวมกัน หากนำมาจัดระบบใหม่ให้สามารถจัดเก็บได้เรียบร้อย ก็อาจจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้ เทคนิคการสร้างระบบจัดเก็บในพื้นที่ขนาดเล็กมีง่าย ๆ ดังนี้

1. ซ่อนของในผนัง บางครั้งผนังบ้านได้รับการออกแบบให้หนาขึ้นเพื่อซ่อนงานระบบของท่อต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีความหนาไม่ตลอดแนว หรือ บางครั้งก็หลอกให้ดูหนาตลอดแนวโดยภายในเป็นพื้นที่ว่าง เราสามารถสร้างพื้นที่จัดเก็บโดยทำตู้ซ่อนลึกเข้าไปในผนังส่วนที่ว่างเปล่า หลอกตาให้กลมกลืนไปกับผนังได้ หรือสร้างช่องลึกเป็นชั้นสำหรับโชว์ของสะสม และ เก็บหนังสือขนาดเล็กได้

2. ใช้ตู้เก็บของเป็นส่วนกั้นห้อง เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของภายในบ้าน แทนการกั้นห้องด้วยผนังธรรมดา ซึ่งจะทำให้ลดพื้นที่ผนังและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยระหว่างห้อง อีกทั้งหากเราสามารถออกแบบให้ตู้ดังกล่าวเคลื่อนย้ายได้ พื้นที่ในบ้านก็จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย

3. พื้นที่ใต้บันได มักมีปัญหาการจัดเก็บที่ยาก เนื่องจากระดับของขั้นบันไดทำให้การเข้าถึงเป็นไปได้ยาก อาจแก้ไขได้ด้วยการทำพื้นที่จัดเก็บเป็นแบบลิ้นชักแทนที่จะเป็นตู้ หรือ ทำเป็นตู้ติดรางเลื่อนที่สามารถดึงออกมาใช้งานได้แทนการเป็นตู้ติดตายกับที่ แต่หากบันไดเป็นแบบโปร่ง การทำเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งกับที่อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเนื่องจากจะมองเห็นจากแนวลูกตั้งบันได การเก็บของจึงควรเปลี่ยนเป็นเก็บด้วยเครื่องเรือนลอยตัว เช่น ตู้ลิ้นชักจีนใบเก๋ หรือ หีบเก่านำมาวางซ้อนกัน สำหรับการจัดเก็บใต้บันไดเพื่อเป็นชิ้นโชว์ในขณะเดียวกัน

4. พื้นที่ใต้หลังคา มักมีปัญหาในการจัดเก็บเนื่องจากอยู่สูง ทำให้เข้าถึงได้ยาก สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของห้องชั้นล่างด้วยการเปิดฝ้าเพดานทำเป็นชั้นลอยและทำบันไดเวียนสำหรับขึ้นลงเพื่อไม่ให้กินพื้นที่ บริเวณที่หลังคาชนกับผนังอาจปิดด้วยบานเลื่อนเพื่อไม่ให้เกิดซอกมุมแหลมที่ทำความสะอาดยาก และยังสามารถเก็บของใส่กล่องขนาดเล็กซ่อนไว้ภายในได้ด้วย หรือหากไม่ต้องการเปิดพื้นที่ให้เชื่อมถึงกัน ควรทำโครงสร้างพื้นที่รับน้ำหนักได้เพียงพอก่อนทำชั้นเก็บของที่ถ่ายเทน้ำหนักลงพื้น ไม่ถ่วงกับโครงสร้างของหลังคา

5. โถงทางเดินที่มีขนาดใหญ่ โดยมากคนทั่วไปมักไม่นิยมเก็บของบริเวณโถงทางเดิน เนื่องจากจะทำให้รกได้ง่าย ดูเกะกะไม่เป็นระเบียบและกีดขวางการสัญจรภายในบ้าน แต่หากโถงทางเดินในบ้านมีขนาดใหญ่ อาจลองสังเกตดูว่าโถงนี้ใช้งานบ่อยในช่วงเวลาใด และในเวลาที่ไม่ได้ใช้เราอาจซ่อนประโยชน์ใช้สอยอย่างอื่นร่วมบริเวณดังกล่าว เช่น หากโถงนี้ใช้งานมากช่วงเวลาเช้าและเย็น แต่ไม่ได้ใช้เลยเวลากลางคืน และคนในบ้านใช้เวลาทำงานในช่วงดึก เราก็อาจสร้างชุดเคาน์เตอร์ทำงานที่ซ่อนด้วยบานเลื่อนหรือบานเฟี้ยมขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถปิดพื้นที่ดังกล่าวเวลากลางวันและเปิดใช้ได้ในเวลากลางคืนได้ เป็นต้น

6. ใต้เคาน์เตอร์ในห้องน้ำหรือห้องครัว ใต้เคาน์เตอร์ส่วนมากมักจะทำเป็นตู้สำหรับซ่อนงานระบบท่อน้ำ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ใช้งานอย่างอื่นเลยนอกจากเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด เราอาจเพิ่มลิ้นชักตื้น ๆ บริเวณด้านบนติดขอบอ่างสำหรับเก็บสบู่ แปรงสีฟันหรือเครื่องใช้ประเภทสำลี ไม้พันปลายสำลี และขวดโลชั่นเล็ก ๆ ทำขอเกี่ยวเก็บอุปกรณ์ หรือซ่อนถังขยะไว้ในตู้ได้

7. ในลิ้นชัก การจัดเก็บควรแบ่งเป็นระบบหมวดหมู่ที่ชัดเจน การเก็บของในลิ้นชักหากเป็นเครื่องเขียนควรซื้อถาดสำเร็จสำหรับอุปกรณ์สำนักงานมาใส่ เพื่อแบ่งแยกเครื่องเขียนขนาดเล็กให้หยิบใช้งานได้ง่าย แต่หากเป็นลิ้นชักเก็บเครื่องประดับ อาจทำช่องสำหรับใส่เครื่องประดับแต่ละชนิดและบุผ้าเพื่อให้เครื่องประดับไม่เกิดรอยขีดข่วน เป็นต้น

ตัวอย่างดังกล่าวเป็นวิธีง่าย ๆ ในการจัดพื้นที่ขนาดเล็กให้สามารถมีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุด ลองสำรวจบ้านที่อยู่และจัดระบบเสียใหม่บางครั้งคุณอาจรู้สึกว่าบ้านของคุณนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่เคยเห็นก็เป็นได้


-------------------------------------------------------------
ข้อมูลจากหนังสือแนะนำการแต่งบ้านดี ๆ ติดตามได้จาก
ELLE DECORATION เดือนสิงหาคม 2549 ฉบับที่ 90

น้ำพุกับการแต่งสวนให้บ้านน่าอยู่

น้ำพุกับการแต่งสวนให้บ้านน่าอยู่

สำหรับการแต่งสวนด้วยน้ำพุนั้น บ้านเราก็มักจะมีการตกแต่งที่หลากหลายแล้วแต่ความชื่นชอบแต่ละบุคคลไป

มารู้จักกับน้ำพุกันสักนิด

หากจะว่ากันไปแล้ว น้ำพุมีอยู่ 2 ประเภท คือ น้ำพุธรรมชาติ เกิดจากแรงดันของน้ำที่อยู่ใต้ดิน พุ่งผ่านรอยแยกของพื้นดินขึ้นมา ส่วนมากจะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น พุ่งผุดขึ้นมาอาจจะมีหลายจุดในบริเวณเดียวกัน หรือพุ่งแรงจุดเดียว

ส่วนที่เรากำลังจะพูดถึงอยู่นี้ก็คือ น้ำพุประดิษฐ์ สร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ มีองค์ประกอบสำคัญคือ ภาชนะ เช่น อ่าง หรือสระ เพื่อกักเก็บน้ำ ปั๊มน้ำ เพื่อดูดน้ำส่งผ่านหัวน้ำพุ ซึ่งเครื่องปั๊มจะทำงานโดยการใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมัน รูปแบบของน้ำพุประดิษฐ์มีหลายรูปแบบ ได้แก่

น้ำพุแบบติดผนัง ส่วนมากจะประกอบด้วยประติมากรรมแบบต่างๆ
น้ำพุแบบลอยตัว คือมองได้รอบข้าง มีอ่างน้ำรองรับ ซึ่งจะเป็นลักษณะของน้ำพุแบบยุโรปนิยม น้ำพุอีกประเภท คือ "หัวน้ำพุวางไว้กลางสระน้ำธรรมชาติ" แบบนี้มักจะใช้เพื่อประโยชน์ในการเติมออกซิเจนให้น้ำในสระนอกเหนือไปจากความสวยงาม และเสริมบรรยากาศ

สิ่งที่ทำให้น้ำพุมีความแตกต่างกันในด้านความสวยงาม แปลกตาน่าสนใจ นั่นคือ หัวน้ำพุ ซึ่งอาจพุ่งขึ้นเป็นลำ หรือเป็นฝอย หัวน้ำพุมีการพัฒนารูปแบบให้งดงาม อาจพุ่งออกจากจุดศูนย์กลาง เป็นช่อเป็นชั้นลดหลั่นกัน หรือพุ่งจากรอบบ่อเข้ามาจุดศูนย์กลาง

การเลือกใช้หัวน้ำพุ

การเลือกใช้หัวน้ำพุชนิดใดนั้นต้องพิจารณาจาก บ่อ สระ หรือภาชนะ ให้มีความสัมพันธ์กัน คือ ขนาดของบ่อ หรือสระ หรือภาชนะต้องพอเหมาะพอดีกับสระน้ำที่พุ่งออกมาจากหัวน้ำพุ บ่อ หรือสระที่กว้างมาก ถ้าใช้หัวน้ำพุเล็กเกินไป ก็จะกลายเป็นน้ำที่พุ่งออกจากปากปลา เพื่อจับแมลงกิน แต่ถ้าหัวน้ำพุใหญ่มาก น้ำจะพุ่งเลยขอบสระ และน้ำก็จะหายไปทีละเล็กทีละน้อยต้องเติมน้ำกันบ่อยๆ อีกทั้งรอบสระก็จะเฉอะแฉะไปหมด

น้ำพุที่ใช้ประกอบสวนขึ้นอยู่กับสไตล์ของสวน ถ้าเป็นสวนสไตล์ธรรมชาติ สระน้ำควรมีรูปทรงอิสระไม่ใช่รูปเรขาคณิต หัวน้ำพุอาจพุ่งขึ้นจากจุดเดียว กระจายเป็นฝอยออกรอบทิศ หรือเป็นแท่งเป็นลำขนาดใหญ่ แต่หากเลือกหัวน้ำพุที่มีละอองละเอียดมาก ต้องพิจารณาด้วยว่า กระแสลมจะพัดพาละอองน้ำออกจากบ่อหรือสระหรือไม่

สวนที่มีสไตล์แบบยุโรป คือเป็น สวนประดิษฐ์ (FORMAL) มักจะมีบ่อรูปทรงเรขาคณิต มีรูปปั้นเหมือนจริงประกอบ เช่น เป็นปลาโผล่หัวขึ้นมาพ่นน้ำ รูปปั้นปลาจะเป็นปูนหรือทองแดงก็ได้

ตำแหน่งของน้ำพุ
ตำแหน่งขึ้นอยู่กับรูปแบบของอาคาร และวัตถุประสงค์ บางครั้งเราตั้งตำแหน่งของน้ำพุไว้ในสวน เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว เกิดเสียง เสริมบรรยากาศ แต่บางครั้งก็เพื่อประกอบให้อาคารงดงามขึ้น บางครั้งการสร้างน้ำพุก็เพราะความเชื่อโชคลาง ทำตามซินแสบอกเรื่องฮวงจุ้ย อันนี้ทำเพื่อความสบายใจ และตำแหน่งของน้ำพุมักจะไว้หน้าบ้าน สรุปว่าตำแหน่งของน้ำพุขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเจ้าของบ้าน ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องตำแหน่ง

พื้นที่ที่ต้องเตรียมติดตั้งน้ำพุ
ไม่มีข้อกำหนดอีกเช่นกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบ สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ควรอยู่ใต้ต้นไม้ที่ใบร่วงมาก จะทำให้เกิดปัญหาการหมุนเวียนของน้ำเพราะเกิดการอุดตัน ไม่ควรวางไว้ในทิศทางที่ลมพัดแรงมาก เพราะลมจะทำให้น้ำพุ่งออกมาผิดจากลักษณะที่ต้องการ

การดูแลน้ำพุ
คือ การทำให้น้ำซึ่งหมุนเวียนสะอาดใสอยู่เสมอ หัวน้ำพุเมื่อใช้ไปนานๆ อาจมีการอุดตันเพราะหินปูนในน้ำ ควรถอดออกมาทำความสะอาดบ้าง

งบประมาณสำหรับการติดตั้งน้ำพุ
ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของหัวน้ำพุ มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทจนถึงเป็นหมื่น ปั๊มน้ำก็ขึ้นอยู่กับหัวน้ำพุถ้าต้องการน้ำพุแรงก็ใช้ปั๊มขนาดใหญ่

ที่มา
http://www.hometophit.com/hometh/interresting.php?news_id=931&key=%B9%E9%D3%BE%D8%A1%D1%BA%A1%D2%C3%E1%B5%E8%A7%CA%C7%B9%E3%CB%E9%BA%E9%D2%B9%B9%E8%D2%CD%C2%D9%E8

การแต่งบ้านแนวเมดิเตอร์เรเนียน

การแต่งบ้านแนวเมดิเตอร์เรเนียน

ก่อนไปชมห้องนอน ขอเชิญชมภาพหน้าบ้านในแบบเมดิเตอร์เรเนียนก่อนนะครับ หากใครชอบบ้านแนวพักผ่อน ตกแต่งง่ายๆ เน้นความดิบของธรรมชาติ สีสันสดใส และนิยมความเป็น rustic ผมว่าแนวนี้เหมาะมากๆเลยครับ









จะสังเกตุว่าสีทาผนังจะไม่เน้นที่ความเรียบเนี๊ยบ แต่จะใช้เทคนิคในการป้ายหรือพ่นสีให้ดูแนว rustic บ้าง ผมว่าได้อารมณ์พักผ่อนมากๆเลยครับ







คราวนี้มาชมห้องนอนในสไตย์เมดิเตอร์เรเนียนกันนะครับ

ห้องนอนยังคงคอนเซปเดิมไว้อย่างดี นั่นก็คือเน้นความโล่ง โปร่ง ใช้วัสดุจากธรรมชาติในการตกแต่ง ไม่เน้นของหรูหราวิจิตรบรรจง ห้องนอนให้ความรู้สึกง่ายๆ สบายๆ เหมาะกับบรรยากาศพักผ่อนครับ



หัวเตียงแม้จะดูหรูหรา แต่ประดับด้วยผ้าโปร่งทำแบบง่ายๆ ทำให้ยังคงได้บรรยากาศสบายๆ





การตกแต่งหัวเตียงในแบบง่ายๆ ใช้งบประมาณเพียงน้อยนิด และก็สวยได้ในแบบเมดิเตอร์เรเนียน นั่นก็คือการนำผ้ามาแขวนไว้เหนือหัวเตียง เลือกลายผ้าสวยเก๋ แค่นี้ห้องนอนก็มีเสน่ห์ในแบบสบายๆแล้วครับ







ตกแต่งง่ายๆ ไม่หรูหราหวือหวา เพียงแค่นำโคมไฟหัวเตียงเล็กๆมาวาง กรอบรูปสวยๆมาแขวนผนัง แค่นี้ก็ทำให้คำว่า "อยู่สบาย" มีครบทุกองค์ประกอบครับ



แม้ไม่แต่งอะไรมาก เพียงใช้แค่ผ้าคลุมเตียงลายสวยๆ เท่านี้ก็นอนสบายในแบบเมดิเตอร์เรเนียนแล้วครับ



แม้สีสดๆจะเข้ากันได้ดีกับบ้านสไตย์นี้ แต่ห้องนอนมักเน้นสีอ่อนๆ แนวพาสเทลเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศพักผ่อน









เตียงเหล็กแบบนี้ดูเหมือนจะเข้ากับการแต่งห้องนอนสไตย์นี้ได้ดีมาก

















การใช้เพียงแค่ภาพแขวนผนังทีบริเวณหัวเตียงเท่านี้ก็ทำให้สวยได้แล้วครับ











หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแต่งบ้านสไตย์เมดิเตอร์เรเนียนนั้นคงจะถูกใจไม่มากก็น้อยนะครับ เราไม่จำเป็นต้องลอกการตกแต่งแบบนี้มาทั้งหมด หากแต่นำเอาเฉพาะจุดที่น่าสนใจและที่เราชอบมาประยุกต์ให้เข้ากับบ้านของเราก็ได้ครับ บางทีการอยู่บ้านที่ตกแต่งแบบหรูหรา เนี๊ยบไปหมดทุกอย่างก็ทำให้รู้สึกอึดอัดได้ แต่บ้านสไตย์เมดิเตอร์เรเนียนนั้นกลับให้ความรู้สึกง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย เน้นความเป็นธรรมชาติ บ้านแนวนี้จึงเหมาะกับการพักผ่อนไม่น้อยเลยครับ

ที่มา
โฮมทอบฮิต

ห้องรับแขก โปร่ง โล่ง สบาย ด้วยแนวร่วมสมัย

ห้องรับแขก โปร่ง โล่ง สบาย ด้วยแนวร่วมสมัย

ขอแนะนำการแต่งบ้านอีกแนวที่กำลังได้รับความนิยมมากๆไม่แพ้แนวโอเรียนทัลเลย นั่นก็คือ แนว "Contemporary" ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่าแนวนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร ต้องเรียนว่าผมเองไม่ได้เรียนจบมาทางด้านตกแต่งภายในแต่อย่างใด ฉะนั้น นิยามที่ผมจะให้ต่อไปนี้นั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามทฤษฏีเท่าไรนัก สำหรับผมแล้ว แนว "Contemporary" นั้นก็คือการแต่งบ้านที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นอยู่ของผู้คนร่วมสมัย คำว่า "ร่วมสมัย" นั่นก็คือ การใช้สิ่งของตกแต่งที่มีส่วนหนึ่งผูกพันธ์กับชีวิตของคนทั่วไป สิ่งของนั้นอาจจะเป็นของเก่า ของคลาสสิค หรือของใหม่ก็ได้ แต่ต้องเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเคยเห็น จำได้ และไม่รู้สึกว่าเก่าจนเกินไปผิดยุค หรือไม่ก็ล้ำสมัยจนเกินไปจนนึกภาพอนาคตไม่ออก

นอกจากนั้น แนวร่วมสมัยมักจะนิยมการแต่งให้ดูโล่ง โปร่ง สบายตา ลวดลายนั้นมักจะเน้นที่ความเรียบง่าย แต่มีดีไซด์ สีสันที่ใช้จะเป็นสีอ่อน เข้ม ก็ได้ทั้งนั้น

ขอขอบคุณภาพทั้งหมดเหล่านี้จากเวปของบริษัทโฟว์พัฒนานะครับ

ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขกจะเน้นความโปร่ง โล่ง ตามสไตย์ร่วมสมัย จะสังเกตุว่าแนวการแต่งบ้านแบบนี้จะนิยมใช้กระจกเข้ามาช่วยเสริมมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากกระจกช่วยให้มีความสว่าง และเปิดโล่ง




ห้องนั่งเล่นนี้ยังคงคอนเสปการแต่งแบบร่วมสมัยไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นความโปร่ง โล่ง พื้นที่ภายในเชื่อมติดต่อกันทั้งหมด และการใช้กระจกเข้ามาเสริม เส้นสายของเครื่องเรือนเรียบง่าย ไม่เน้นการออกแบบที่วิจิตรบรรจง ผนังใช้ไม้สีน้ำตาลเข้มเพื่อดึงดูดสายตา ไม่ทำให้ห้องดูโล่งหรือขาวโพลนจนเกินไปนัก





การใช้ไม้เข้ามาช่วยที่ผนังไม่ได้ทำให้สูญเสียความเป็น "Contemporary" เลย เพียงแต่เน้นที่ลวดลายเรียบง่าย การนำโคมที่มีดีไซด์ไฟมาห้อยนั้นก็เพิ่มความเก๋ และโดดเด่นมาก พื้นสีน้ำตาลเข้ม ตัดกับโคมไฟเล็กๆรูปแบบทันสมัย เข้ากันได้เป็นอย่างดีครับ เก้าอี้มีดีไซด์นั้นเหมาะมากๆกับการแต่งบ้านแนวนี้




บริเวณเหนือโซฟานั้นมีการทำบิวด์อินครอบ สไตย์นี้มีให้เห็นบ่อยๆในการแต่งบ้านแนวไทยโอเรียนทัล แต่ก็สามารถนำมาใช้กับการแต่งบ้านแนวร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี แต่สังเกตุว่าลวดลายที่นำมาใช้นั้นยังคงยึดคอนเซปเดิม คือเรียบง่าย ผิดกับการแต่งแบบไทยโอเรียนทัลที่ต้องมาการแกะสลักเสาให้งดงาม โซฟาเน้นสีขาวซึ่งเรียกว่าเป็น "สีบังคับ" ของแนว Contemporary เลยก็ว่าได้




แม้สีขาวจะดูเหมือนว่าเป็นสีหลักสำหรับการแต่งบ้านแนวนี้ แต่โซฟาตัวใหญ่ๆ นั่งสบายๆสีน้ำตาลเข้มตัวนี้ก็ดูเข้ากันไม่น้อยเลย กระจกยังคงเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศที่โล่ง โปร่งได้เป็นอย่างดี





ไม้ดูเหมือนจะเป็นวัสดุหลักของการแต่งบ้านแนวไทยโอเรียนทัล แต่หากเป็นโซฟาไม้สีอ่อนๆแบบนี้ ดีไซด์เรียบๆ และเสริมความโปร่งด้วยกระจกบานใหญ่ แนวร่วมสมัยก็ยังอยู่ครบครันครับ



เส้นสายของเครื่องเรือนบิวด์อินเรียบง่าย การจัดวางของน้อนชิ้น นำวัสดุทันสมัยอย่างเช่นสแตนเลสเข้ามาใช้ในบ้าน ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ช่วยเสริมความเป็น Contemporary ได้ดีครับ







ความโปร่ง โล่งยังโดดเด่นเสมอในการแต่งบ้านแนวนี้ โซฟายังออกแบบที่เรียบง่าย แต่นุ่นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน สีสันสดใสนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี เป็นที่ดึงสายตาได้เยี่ยมมาก และไม่ทำให้ห้องดูขาวโพลน หรือโล่งจนเกินไปนัก สีสดๆยังให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ดีกว่าแต่งห้องขาวโพลนซึ่งจะรู้สึกเย็นยะเยือกครับ





ผนังสีม่วงสดขับให้ดูโดดเด่นมาก แต่เบรคความแรงของสีด้วยการนำภาพมาแขวน ในเมื่อสีพื้นเป็นสีม่วง ภาพแขวนควรต้องเป็นสีอ่อน เพื่อเบรคความเข้ม และทำให้ภาพแขวนดูเด่นออกมาก หากเลือกภาพแขวนสีเข้ม จะดู "จม" ไปกับผนังสีม่วงครับ





สีสดๆยังคงเข้ากันได้ดีกับแนว Contemporary เพราะดูทันสมัย สีเขียวตองอ่อนนี้ก็ช่วยทำให้ดูสบายๆยามพักผ่อน








แผ่นไม้วงกลมที่แขวนกับผนังนี้เข้ากันมากๆกับการแต่งบ้านแนวไทยโอเรียนทัล แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์กับการแต่งบ้านแนวร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี เป็นการ Mix & Match ได้อย่างลงตัว แต่หลักก็คือว่า หากเราต้องการให้แนวร่วมสมัยเด่น ยืนพื้น เราต้องพยายามคุมไม่ให้ของแนวๆไทยโอเรียนทัลนั้นมากเกินไปจนคุมแนว Contemporary หมด ควรให้ของแนวร่วมสมัยราวๆ 80 % และที่เหลือเป็นแนวอื่นครับ




เน้นความโปร่ง และดีไซด์ของเครื่องเรือน





หวังว่าคงพอจะได้ไอเดียกับการแต่งบ้านแนว Contemporary บ้างนะครับ สิ่งสำคัญก็คือ

- เน้นความโปร่ง โล่ง สบายตา
- ความเรียบของเครื่องเรือน หรือเน้นเครื่องเรือนที่มีดีไซด์
- การ Mix & Match ระหว่างของเก่าและของใหม่ยังไปได้ดี แต่ต้องคุมเปอร์เซนต์ไว้ให้ได้
- สีขาวเป็นสีหลักของการตกแต่ง แต่สีสันสดใสก็ยังเป็นส่วนที่ช่วยเสริมบรรยากาศได้ดียิ่ง แต่ควรเน้นสีสดๆเฉพาะจุดที่เราต้องการโชว์นะครับ
- กระจกและวัสดุทันสมัย เช่น เหล็ก สแตนเลส ไฟเบอร์ ของเหล่านี้ช่วยเสริมในเรื่องความทันสมัยได้ครับ

แต่งห้องนอนและห้องอาหารในแบบ Contemporary

คอนเซปในการตกแต่งแนวนี้นั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือเน้นที่ความโปร่ง โล่งสบายตา ดีไซด์ของเครื่องเรือน และการนำเอาวัสดุทันสมัยเข้ามาใช้

ห้องอาหารนี้ยังคงความเป็นแนวร่วมสมัยอย่างชัดเจน ดีไซด์ของโต๊ะอาหารที่เรียบง่าย เน้นการตกแต่งด้วยของน้อยชิ้น โคมไฟเพดานดูออกแนวโอเรียนทัลเล็กน้อย แต่ก็เป็นการ Mix & Match ได้อย่างกลมกลืน




บางครั้งหากเน้นแนว Comtemporary อย่างเดียวอาจจะทำให้ห้องดูเย็นเล็กน้อย การนำของตกแต่งแนวโอเรียนทัลมาผสมนั้นช่วยทำให้บรรยากาศดูนุ่มนวลขึ้นมาก อย่างเช่นการนำโคมไฟแขวนสีน้ำตาล ออกแนวโอเรียนทัลนี้มาตกแต่ง เป็นต้น




ห้องอาหารยังคงแนวร่วมสมัยได้เป็นอย่างดีด้วยการแต่งของน้อยชิ้น และเครื่องเรือนรวมถึงของประดับตกแต่งก็เน้นที่ความเรียบง่าย โต๊ะอาหารที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ นั้นทำให้บรรยากาศอ่อนนุ่มลงได้มาก





ความเป็น Contemporary นั้นแสดงออกโดยการใช้โต๊ะอาหาร และเก้าอี้ที่มีดีไซด์สวยงาม ทันสมัย กอปรกับการตกแต่งให้ดูบ้านกว้างขวาง การนำกระจกเข้ามาช่วยทำให้บ้านดูโปร่งขึ้นเป็นอย่างมาก





กระจกนอกจากจะให้ควาททันสมัยแล้ว ยังช่วยดึงบรรยากาศภายนอกและบรรยากาศภายในให้เข้าหากันได้เป็นอย่างดี





ท้อปโต๊ะอาหารที่ใช้หินอ่อนสีเหลืองอ่อนประดับนั้นให้ความรู้สึกหรูหรา และความทันสมัยในเวลาเดียวกัน



ท้อปกระจกที่โต๊ะอาหารนั้นควรหนาเป็นพิเศษเพื่อรองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง การใช้ท้อปกระจกนั้นช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูทันสมัยมากขึ้น และกระจกยังช่วยให้ห้องแคบๆดูกว้างขึ้นได้ด้วย




หากมองผิวเผิน ห้องอาหารนี้จะออกไปแนวโอเรียนทัลนิดหน่อย เพราะเน้นใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก และสีโอ๊คเข้มช่วยขับให้บรรยากาศดูขรึมและหรูหรา แต่การนำโคมไฟเพดานที่มีดีไซด์เก๋ๆมาตกแต่งเพียงแค่นี้ก็สามารถเบรคความเป็นตะวันออกได้เป็นอย่างดี





คำว่า ร่วมสมัย ไม่ใช่หมายถึงเน้นแบบเก่าสุดๆ หรือทันสมัยสุดๆ การประณีประนอมกันระหว่างสองแนวนี้จึงก่อให้เกิดแนวร่วมสมัยขึ้นได้





สีขาวตัดกับสีดำยังเป็นสีที่นิยมมากๆในการแต่งครัวแบบ Contemporary






เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวที่ดูทันสมัยก็ช่วยเสริมบรรยากาศแนว Contemporary ได้เป็นอย่างดี





หรือแบบนี้เป็นต้น





รูปแบบดีไซด์ที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย กอปรกับการใช้สแตนเลสเข้ามาก็ทำให้ได้บรรยากาศที่เหมาะมากๆ





คราวนี้เรามาดูห้องนอนกันบ้างนะครับ


โปร่ง โล่ง สบายตา เน้นของตกแต่งน้อยชิ้น ดีไซด์เครื่องเรือนที่ทันสมัย ทั้งหมดนี้คือหัวใจในการแต่งบ้านแนว Contemporary






เตียงสี่เสานี้มีให้เห็นมากในห้องนอนแบบตะวันตก หรือแม้แต่แบบไทยโอเรียนทัล แต่เตียงนอนแบบนี้ก็สามารถนำมาเขากับแนวร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ขอให้เน้นที่ความเรียบง่ายของลวดลายที่จะนำมาใช้




บิวด์อินหัวเตียงด้วยตัวอักษรกราฟฟิค และการใช้วัสดุที่ดูออกคล้ายเงินเล็กน้อยมาประดับ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ห้องนอนเป็นแบบร่วมสมัยได้ง่ายๆ





ลวดลายกราฟฟิคยังไปได้ดีมากๆกับการแต่งห้องนอนแนวนี้





ห้องนอนแนวร่วมสมัยไม่จำเป็นต้องเน้นที่ความโปร่ง สีขาวสว่างตา หรือเน้นที่ลายกราฟฟิคเสมอไป เราอาจแต่งห้องนอนแนวนี้ได้ด้วยสีเอิรท์โทนที่ให้ความรู้สึกสงบเงียบ และอบอุ่นยามพักผ่อน แต่สังเกตุว่าของประดับทั้งหมดยังคงเน้นที่ความเรียบง่าย ตกแต่งน้อยชิ้นไม่หวือหวา ให้ความรู้สึกพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ บางครั้งการตกแต่งห้องนอนที่ดูหรูหรา วิจิตรบรรจงมากเกินไปนั้นก็อาจจะทำให้ดูอึดอัดได้เช่นกัน





ขอขอบคุณภาพสวยๆทั้งหมดนี้จากบริษัทโฟว์พัฒนาครับ

ผู้ติดตาม